วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อัลไซเมอร์

>อัลไซเมอร์ถือเป็นโรคที่บั่นทอนทั้งทางร่างกายและจิตใจ
>ไม่ได้ทำลายเฉพาะผู้ป่วยแต่ทำลายคน ใกล้ชิดของผู้ป่วยอย่างยากที่จะทน
>ลูกของคนไข้อัลไซเมอร์คนหนึ่งพูดถึงอัลไซเมอร์ว่ามันคือขโมยที่เข้ามาขโมย วิญญาณ ขโมยหัวใจของคนที่เรารักไป นี่คือ
>อัลไซเมอร์-โรคที่ไม่มีใครอยากเป็น และไม่อยากให้คนที่รักเป็น " นวลศรี
>อนันตกูล" เล่าถึงผู้เป็นพี่สาว"จรัสศรี อนันตกูล" ว่าพี่สาวเป็นคนเก่ง
>เป็นคนสวยโดยสมัยที่ยังสาวก็ยิ่งสวย และมีเสน่ห์ เรียนจบปริญญา
>โทแล้วเข้าทำงานรับราชการที่กรมพัฒนาที่ดินในตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์วิ
>จัยด ิน ขับรถเก่ง เปรี้ยวและกล้าตัดสินใจแต่แล้วก่อนที่จะเกษียณสัก 5-6
>ปี จรัสศรีเริ่มมีอาการหลงลืม รถขับกลับบ้านชนยับเยินมาทีเดียว
>แต่เมื่อถามก็ตอบไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น
>หนักๆเข้าก็ลืมวิธีขับรถโดยขณะที่ขับรถไปด้วยกันนั้นเอง
>ก็ขับต่อไม่ถูกกรีดเสียงตะโกนเสียงแหลมด้วยความตกใจสุดขีดว่า"ฉันขับต่อ
>ไป ไม่ได้ ไม่รู้วิธีขับรถ!"
>>ทุกวันนี้ จรัสศรีเป็นคนป่วยโรคอัลไซเมอร์เกือบขั้นสุดท้ายแล้ว นั่นคือ
>ไม่สามารถจดจำในสิ่งใดได้ ลืมสิ้นทุกคนที่เคยรู้จัก ลืมวิธีการกิน
>การเดิน การพูด
>ชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบากทั้งตัวผู้ป่วยเองและผู้ดูแล
>นวลศรีต้องอาบน้ำป้อนข้าว ดูแลทุกอย่างทั้งการขับถ่าย และ
>เมื่อเห็นแววตาพี่สาวคือจรัสศรีมองมายังตนแล้วนวลศรีก็อดสะท้อนใจไม่ได้เ
>พ ราะแววตานั้น ไร้สิ้นซึ่งความหมายและความจดจำใดๆนี่คือ
>ความน่าสะพรึงกลัวของอัลไซเมอร์
>>หากไม่อยากเป็นก็ต้องป้องกันตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ทำอย่างไร
>สมองไม่เสื่อมพญ.สิรินทร ฉันศิริกาญจน นายกสมาคมผู้ดูแล
>ผู้ป่วยสมองเสื่อม กล่าวว่าเนื่องจากปัจจุบัน
>ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรค จึงยังไม่มีวิธีป้องกัน
>อย่างไรก็ตามโรคสมอง เสื่อมจากหลอดเลือดสมองตีบ
>ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ
>โรคสมองเสื่อมในคนไทยสามารถป้องกันได้โดยการรับประทาน
>อาหารที่เหมาะสม
>การออกกำลังกาย
>การเลิกบุหรี่และการงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด

>>1. รับประทานอาหารที่ช่วยลดและชะลอความเสื่อมของเซลล์สมอง
>และสารสื่อประสาท พบในธัญพืชต่างๆ จมูกข้าวสาลี ถั่วลิสง ข้าวกล้อง
>มันฝรั่ง กล้วย กะหล่ำปลี นมสด ผักต่าง ๆ
>ช็อกโกแลตขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารจำพวกแป้ง
>น้ำตาล
>ของหวาน ผลไม้รสหวานจัดโดยพยายามทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
>สำหรับโปรตีน
>เน้นเนื้อปลา
>บ่อยครั้งที่ผู้สูงอายุไม่เจริญอาหารเนื่องจากขาดความกระตือรือล้นที่จะรั
>บประทาน หาสาเหตุให้พบและแก้ไข พึงสังวรว่าสารอาหารในแต่ละมื้อจำ
>เป็นต่อสมอง ของท่าน

>>2. หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม ของหมักดอง อาหารที่ใส่ผงชูรส
>หลีกเลี่ยงกาเฟอีนในเครื่องดื่มพวกชากาแฟหรือโคล่า
>เพราะอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้
>ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ส่งผลให้วิตามินแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามินบีรวม
>โปแตสเซียม สังกะสี ถูกทำลาย สมองทำงานแย่

>>3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยผู้สูงอายุสามารถออกกำลังเบาๆ
>เช่นทำโยคะ
>หรือไทเก๊กที่เหมาะสมกับสุขภาพกาย ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินพิกัด

>>4. การควบคุมอาหารทำควบคู่กับการลดความเครียด
>ส่วนบุหรี่และแอลกอฮอล์งดเด็ดขาด

>>5. อย่าลืมดูแลตัวเองด้านจิตสังคม ด้วย
>รวมทั้งด้านกายภาพบำบัดและกิจกรรมฟื้นฟูความจำ
>จัดกิจกรรมสำหรับตัวเอง>ให้ใช้ความคิดอย่างสม่ำเสมอ เช่นคิดเลขเมื่อไปจ่ายตลาด
>บวกเลขทะเบียนรถ>นับเลขถอยหลังจาก 500-1 เป็นต้น การเข้ากิจกรรมสังคมในทุกเรื่อง เช่น
>ร้องเพลง เล่นเกม เต้นรำ
>ฯลฯมีส่วนสำคัญต่อการป้องกันโรคสมองเสื่อมได้ทั้งสิ้น

>>แบบทดสอบต่อไปนี้ แปลจากบทความในBritish Medical Association
>โดยชาญกัญญา ตันติลีปิกร(วท.ม.จิตวิทยาคลินิก)
>สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยมหิดลและ
>พญ.โสภา
>เกริกไกรกุล หน่วยประสาทวิทยา วิทยาลัยแพทยศาสตร์ กรุงเทพฯ
>และวชิรพยาบาลขอย้ำว่าเป็นแบบทดสอบเบื้องต้นเท่านั้น
>ซึ่งแม้จะตอบว่า"ใช่" ทุกข้อ
>ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นอาการของอัลไซเมอร์
>ทุกกรณีไปเนื่องจากการวินิจฉัยโรคจะมีปัจจัยเรื่องความถี่ที่ต้องนำมาพิจา
>รณาด้วย
>>1. หาของใช้ในบ้านไม่พบ
>>2. จำสถานที่ที่เคยไปบ่อยๆ ไม่ได้
>>3. ต้องกลับไปทบทวนงานที่แม้จะตั้งใจทำซ้ำถึง2 ครั้ง
>>4. ลืมของที่ตั้งใจว่าจะนำเอาออกไปนอกบ้านด้วย

>>5. ลืมเรื่องที่ได้รับฟังมาเมื่อวานนี้หรือเมื่อ2-3 วันก่อน
>>6. ลืมเพื่อนสนิทหรือญาติสนิทหรือบุคคลที่คบหากันบ่อยๆ
>>7. ไม่สามารถเข้าใจเนื้อเรื่องในหนังสือพิมพ์หรือวารสารที่อ่าน
>>8. ลืมบอกข้อความที่คนอื่น วานให้มาบอกอีกคนหนึ่ง

>>9. ลืมข้อมูลส่วนตัวของตนเอง เช่น วันเกิด ที่อยู่
>>10. สับสนในรายละเอียดของเรื่องที่ได้รับฟังมา
>>11. ลืมที่ที่เคยวางสิ่งของนั้นเป็นประจำ
>หรือมองหาสิ่งของนั้นในที่ที่ไม่น่าจะวางไว้

>>12. ขณะเดินทางหรือเดินเล่นอยู่ในอาคารที่เคยไปบ่อยๆ
>มักเกิดเหตุการณ์หลงทิศหรือหลงทาง

>>13. ต้องทำกิจวัตรประจำวันบางอย่างซ้ำถึง2 ครั้ง
>เพราะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเช่น ใส่น้ำตาลมาก เกินไปในเวลาปรุงอาหาร
>หรือเดินไปหวีผมซ้ำอีกครั้ง ซึ่งเมื่อสักครู่เพิ่งได้หวีผมเสร็จ
>>14. เล่าเรื่องเดิมซ้ำอีกครั้ง ซึ่งเมื่อสักครู่เพิ่งได้เล่าเสร็จ
>>ถ้าติ๊กถูกทุกข้อ ก็ระวังหน่อย
>อาจถึงเวลาต้องไปพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเกี่ยวกับระดับความถี่ของเหตุกา

>ร ณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
>>ปี 2548 ไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์1.94 แสนคนและในปี 2549
>ตัวเลขขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2-3 แสนคนโดย
>ประมาณการผู้ป่วยในไทยคาดว่าจะทะลุหลักล้านภายใน30 ปีข้างหน้า !"
>พญ.สิรินทร กล่าวว่า โรคนี้น่ากลัวกว่ามะเร็ง
>เพราะมะเร็งอาจหายหรือไม่หาย แต่อัลไซเมอร์ ไม่มีทางหาย
>ถ้าไม่อยากเป็น1
>ในล้านคนของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
>ก็ต้องพยายามทำตัวให้ห่างจากปัจจัยเสี่ยงศึกษาข้อมูลและเริ่มต้นปฏิบัติอย
>่างจริงจัง โรคร้ายนี้ไม่เข้าใครออกใคร เคยเก่งเคยฉลาดเป็นดอกเตอร์
>แต่ตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมายว่าทั้งเก่งทั้งรอบรู้ขนาดไหน
>ก็เป็นอัลไซเมอร์ได้เหมือนกัน แต่ก็ไม่ต้องวิตกหรือกลัวมากเกินเหตุ
>ที่ขี้หลงขี้ลืมถี่ขึ้นพักหลังๆ นี้ อาจเป็นเพียงความเสื่อมธรรมดา
>หากกังวลก็ ไปพบแพทย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น